วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โรคละเมอแชท ภัยเงียบของคนติดสมาร์ทโฟน



 โรค Sleep Texting หรือโรคละเมอแชท ชื่อแปลกหน่อยแต่ขอยืนยันตรงนี้เลยว่า เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เราแล้วจริง ๆ

          สังคมก้มหน้าขยายวงกว้างขึ้นทุกที ไปไหนมาไหนเราจึงได้เห็นคนก้มหน้าอยู่กับสมาร์ทโฟนกันเป็นแถว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถอำนวยความสะดวกให้เราได้เยอะ แม้เราจะต้องแลกกับผลร้ายต่อสุขภาพบางอย่าง ซึ่งเป็นเหมือนดาบคมที่สองของความทันสมัยเหล่านี้บ้างก็ตาม

          แต่ครั้นจะปล่อยตัวให้ถลำลึกกับเทคโนโลยี หรือสมาร์ทโฟนแบบเลยตามเลยก็คงไม่ดีเท่าไร เพราะตอนนี้โรคละเมอแชท (Sleep Texting) กำลังคุกคามสุขภาพของเราอย่างหนักเลยล่ะค่ะ ทั้งทำให้นอนหลับไม่สนิท ฝันร้าย แถมเสี่ยงกับภัยสุขภาพอื่น ๆ อีกมาก ดังนั้น วันนี้เรามารู้จักโรคละเมอแชท (Sleep Texting) กันก่อนดีกว่า จะได้รู้ทันและป้องกันโรคนี้ได้อยู่หมัด !

อาการของโรคละเมอแชท (Sleep Texting) มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนเกินเหตุ จนสร้างความวิตกกังวลต่อข้อความที่ถูกส่งมา ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีพฤติกรรมตอบสนองกับข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาโดยทันที รวมไปถึงอาการติดโซเชียลเน็ตเวิร์กทุกชนิดร่วมด้วย

          ทั้งนี้คนที่มีอาการละเมอแชท จะไม่รู้สึกตัวขณะที่กดส่งข้อความ เพราะเป็นสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ซึ่งก็น่าเป็นห่วงตรงที่อาจจะส่งข้อความที่เสี่ยงต่อการเข้าใจผิด และส่งให้ผิดคน ผิดกาลเทศะ หรือเวลาได้ น่าหวาดเสียวไม่น้อยเลยเนอะ

          ส่วนในเรื่องของสุขภาพ ก็แน่นอนว่าอาการติดโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน จะทำให้เรามุ่งความสนใจไปที่เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้แทบจะทุกนาที แม้กระทั่งเวลาจะหลับก็ยังเอามือถือไปจิ้มเล่นเรื่อยเปื่อย และหลับไปพร้อม ๆ กับโทรศัพท์ที่ยังคามือ หรือวางนิ่งอยู่ข้างตัว ดังนั้นเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้ามา สมองที่ยังยึดติดกับโทรศัพท์อยู่ทุกขณะจิต ก็จะปลุกร่างกายที่หลับใหลให้อยู่ในสภาวะละเมอ แล้วกดส่งข้อความไปโดยอัตโนมัติ และในช่วงนี้ร่างกายก็จะนอนหลับไม่สนิทเต็มที่ เป็นเหตุให้พักผ่อนไม่พอ กระทบมาถึงระบบการทำงานของร่างกาย ทำให้สะสมความเครียด เสี่ยงเป็นโรคอ้วน ฝันร้าย กระทบต่อการเรียนและการทำงาน

          อีกทั้งการติดแชทมากเกินไป ยังอาจจะส่งผลกระทบไปถึงความสัมพันธ์ด้วยนะคะ เนื่องจากข้อความที่ส่งผ่านกันไปมา ไม่สามารถหอบเอาความรู้สึกนึกคิดในขณะที่พิมพ์ข้อความของเราแนบไปด้วยได้ บางทีก็อาจจะก่อให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้ ทำลายความรู้สึกโดยไม่เจตนาก็นักต่อนักแล้วเช่นกัน

          อย่างไรก็ตาม แพทย์ก็แนะนำว่า ลองอยู่ห่างจากสมาร์ทโฟนบ้างก็ดี และพยายามปิดการติดต่อสื่อสารในขณะที่นอนหลับด้วย วิธีนี้จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคละเมอแชทได้ และฟื้นฟูสุขภาพการนอนหลับของเราให้เต็มอิ่ม ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมความสดชื่นแจ่มใส ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้นจ้า

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557



ในสภาวะการแข่งขันทางธุรกิจทุกวันนี้ คงไม่มีธุรกิจใดที่จะหยุดนิ่งได้ เนื่องจากสินค้า และบริการต่าง ๆ มีการพัฒนาเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นช่องทางในการเข้าถึงสินค้าหรือบริการก็มีหลากหลายมากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นทั้งในแง่ของสินค้าหรือบริการ และช่องทางที่เลือกซื้อสินค้าหรือบริการเหล่านั้น ดังนั้นธุรกิจใดที่หยุดนิ่งไม่คิดเปลี่ยนแปลงใด ๆ คงยากที่จะอยู่รอดในระยะยาว ถึงแม้ว่าธุรกิจนั้น ๆ อาจจะเคยเป็นธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนก็ตาม ทำไมหรือ เนื่องจากทุก ๆ ครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตลาด (ทั้งในด้านสินค้าทางเลือก หรือ ช่องทางการเข้าถึงสินค้านั้น) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคตามไปด้วย ดังนั้นสินค้าที่เคยขายได้ ย่อมไม่สามารถการันตีว่าจะสามารถขายได้ต่อไป ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วท่านผู้ประกอบการควรจะทำอย่างไรล่ะ

ขอแนะนำให้ท่านผู้ประกอบการทั้งหลายเริ่มต้นเป็นคนช่างสงสัย โดยหมั่นตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ 2 คำถามตลอดเวลา คือ ทำไม? (Why) และ ทำไมจะทำไม่ได้ หรือทำไมจะเป็นไปไม่ได้? (Why not) ทำไมเหรอ เพราะเมื่อเราเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไม? กับตลาด และกลุ่มเป้าหมายของเรา จะทำให้เราเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น จะทำให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดซึ่งมีผลกับพฤติกรรม ผู้บริโภคของกลุ่มเป้าหมายของท่าน อันอาจมีผลกระทบกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากบริษัทของท่านได้  อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เมื่อดำเนินธุรกิจใด และประสบความสำเร็จแล้ว มักจะยึดติดกับรูปแบบการทำธุรกิจแบบนั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นกับตลาด กว่าจะรู้อีกทีก็สายไปแล้ว ดังนั้น หากท่านผู้ประกอบการหมั่นตั้งคำถามว่า ทำไม? อย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่าท่านสามารถเริ่มมองเห็นการเปลี่ยนแปลงก่อนคู่แข่งของท่าน

 เมื่อสังเกตเห็นว่าตลาดมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว อยากให้ท่านผู้ประกอบการขบคิดเพิ่มไปอีกขั้นนึงโดยพยายามหาทางตอบสนองการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น โดยหมั่นตั้งคำถามว่า ทำไมจะทำไม่ได้? เพื่อพยายามที่จะหาแนวคิดใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจของท่าน การทำเช่นนี้ท่านผู้ประกอบการต้องอย่าไปยึดติดกับสิ่งที่ท่านรู้มากจนเกินไป อย่าลืมว่าสิ่งที่ท่านรู้นั้น เป็นตลาดเมื่อวานนี้ วันนี้  แต่พรุ่งนี้จะเป็นตลาดของวันใหม่ หากท่านยึดติดกับสิ่งที่ท่านรู้มากไป ท่านจะได้สิ่งเก่า ๆ ในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของตลาดในอนาคตการหาไอเดียใหม่ ๆ ท่านอาจลองไปศึกษาธุรกิจอื่น ๆ ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง และประสบความสำเร็จ และลองดูว่าสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของท่านได้อย่างไร  พูดคุยกับคนนอกวงการบ้าง บางครั้งคนนอกวงการอาจให้มุมมองใหม่ ๆ ที่เราอาจไม่นึกถึงในธุรกิจของเราก็ได้ เพราะกรอบความคิดของเรานั้นยึดติดกับรูปแบบของธุรกิจนั้น ๆ นานจนเกินไป